วันจันทร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ข่าวสารประสบการณ์จากวัตถุมงคล หลวงปู่เจียม อติสโย จากสื่อต่างๆ์

วิดีโอภาพหลวงปู่เจียมเมื่อยังไม่มรณะภาพและบรรยากาศ
ภาพในวัดอินทราสุการาม
     
 รายการ ราตรีสโมสร 9พฤศจิกายน2554 
 
เหรียญรุ่นสองหลวงพ่อสุพัฒน์ เตชะพะโลพร้อมตะกรุด
อาถรรพณ์แก่งกระจาน ฮ.ลำที่3ตกดับอีก3
ทำพิธีเซ่นไหว้เจ้าป่าเจ้าเขา
หลังประชุมเสร็จสิ้น นายโชติ ตราชู พร้อมด้วยนายธีรภัทร ประยูรสิทธิ์ รองอธิบดีกรมอุทยานฯ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หน.อช.แก่งกระจาน นายสุริยนต์ โพธบัณฑิต ผช.หน.อช.แก่งกระจาน นักบิน และเจ้าหน้าที่ของอุทยานทั้งหมด ร่วมกันประกอบพิธีเซ่นไหว้เจ้าที่ เจ้าทาง เจ้าป่า เจ้าเขา ที่บริเวณลานจอด ฮ. ของ อช.แก่งกระจาน ซึ่งนายโชติได้จุดธูปและกล่าวนำทีมปฏิบัติการทั้งหมด ให้ได้ยินกันอย่างชัดเจนว่า คณะทำงานทั้งหมดขออนุญาตเข้ามาปฏิบัติงานครั้งนี้ หากมีสิ่งหนึ่งประการใดที่คณะทำงานล่วงเกิน ขอได้โปรดยกโทษให้ ขอให้ท้องฟ้าเปิด ขอให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานด้วยความสะดวกและปลอดภัย จากนั้นนายโชติได้รินเหล้าใส่แก้ว 2 แก้ว ก่อนจะเทเหล้าทั้ง 2 แก้วลงสู่พื้นดินบริเวณหน้าโต๊ะเครื่องเซ่นไหว้ หลังเสร็จพิธีนายโชติได้ถอดสร้อยตะกรุดที่แม่ทัพภาค 2 มอบให้มาและคล้องคอตัวเองอยู่คล้องคอให้กับนายชัยวัฒน์ ที่เป็นหัวหอกหลักในการปฏิบัติงาน
มท.ภ.2 เตือนระวังอาถรรพณ์ป่า
นายโชติ ตราชู ปลัดกระทรวงทรัพย์ฯ ซึ่งรีบเดินทางมายังศูนย์อำนวยการที่แก่งกระจานทันทีหลัง รับรายงานเหตุ ฮ.ตกลำที่ 3 เผยว่า วันนี้ตนตั้งใจมาอยู่แล้ว แต่พอทราบเหตุร้ายล่าสุด จึงรีบเข้ามาก่อนกำหนด ก่อนหน้านี้เพียงวันเดียว ตนได้พบกับ พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 ซึ่งสนิมสนมกันและมีความเป็นห่วงเกรงจะเกิดอาถรรพณ์ของป่าขึ้น เพราะไม่ค่อยได้เจอบ่อยนักที่ ฮ.ตกติดต่อกันถึง 2 ลำ ขณะปฏิบัติหน้าที่และผู้โดยสารบน ฮ.เสียชีวิตยกลำทั้ง 2 ลำ ทั้งที่ ฮ.แบล็กฮอว์กถือเป็นฮ.ที่มีสมรรถนะสูงยังหล่น แม่ทัพภาค 2 จึงเดินทางมาเยี่ยมตนพร้อมกับมอบตะกรุดของหลวงปู่เจียม อติสโย แห่งวัดอินทราสุการาม อ.สังขะ จ.สุรินทร์ รุ่นทหารพระเจ้าอยู่หัว ฉลองสิริราชสมบัติ 60 ปี ที่ทหารของกองทัพภาค2 แขวนห้อยคอกันทุกคน ในระหว่างการรักษาอธิปไตยของไทยบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งช่วงที่มีการสู้รบกันอย่างหนักเกิดความสูญเสียน้อยมาก จึงมอบให้ตนไว้เพื่อป้องกันอันตราย ซึ่งตนได้อธิษฐานต่อตะกรุดที่ได้รับมอบขอให้แผ่บารมีคุ้มครองต่อไปยังชุดปฏิบัติงานทั้งหมด
แนะตั้งเครื่องเซ่นไหว้ขอขมา
นายโชติเผยด้วยว่า นอกจากการให้กำลังใจแล้ว แม่ทัพภาคที่ 2 ยังได้เตือนมาให้ตนนำทีมบอกกล่าวเจ้าที่ เจ้าทาง เจ้าป่า เจ้าเขา ใน อช.แก่งกระจาน ด้วยการใช้เครื่องเซ่นไหว้ของหวานเป็นผลไม้ 9 อย่าง ของคาวเป็นไก่ หัวหมู รวมทั้งเหล้า โดยให้ตั้งเครื่องเซ่นไหว้ทั้งหมดและจุดธูปเทียนบอกกล่าวขอขมา เพราะเรื่องแบบนี้เป็นศาสตร์เร้นลับที่คนที่อยู่กับป่าทุกคนไม่เคยลืมที่จะปฏิบัติกัน ถือเป็นความเชื่อมาแต่โบราณ ซึ่งตนก็เตรียมที่จะมาดำเนินการตามที่แม่ทัพภาคที่ 2 บอกอยู่แล้ว ยิ่งมาเจอ ฮ.ตกเป็นลำที่ 3 ทั้งที่ไม่น่าจะตก เพราะบินอยู่ในเขตที่ไม่ใช่เป็นป่าเขาลำเนาไพรที่สูงชันเช่น 2 ลำแรก แต่บริเวณตกก็เป็นพื้นที่ในขอบเขตป่าของอุทยานฯ จึงสั่งการให้ดำเนินการในเรื่องนี้ทันที

ข่าวจาก ไทยรัฐ

มทภ.2 วอนเห็นใจทหาร ยัน ฮ.ตกไม่เกี่ยวทุจริต

นครราชสีมา 26 ก.ค.- พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 (มทภ.2)  กล่าวว่า เหตุการณ์เฮลิคอปเตอร์ 3 ลำ ของกองทัพบกตกที่ป่าแก่งกระจาน สร้างความสูญเสียอย่างมากให้กับกองทัพบก อยากบอกว่าทหารเราปฏิบัติงานแบบจริงจัง  ตายก็ตายจริง ขอให้ทุกคนให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทหารด้วย จะมาบอกว่าเกิดจากการทุจริตการจัดซื้อจัดจ้างได้อย่างไร อยากให้เข้าใจทหารด้วย
อย่างไรก็ตาม จากเหตุที่เกิดขึ้น ตนได้มอบเหรียญหลวงปู่เจียม อติสโย วัดอินทราสุการาม อ.สังขะ จ.สุรินทร์ รุ่นทหารพระเจ้าอยู่หัว ฉลองสิริราชสมบัติ 60 ปี ซึ่งทหารของกองทัพภาค 2 ทุกคนสวมไว้เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ ให้แคล้วคลาดจากภัยอันตรายทั้งปวง ให้กับปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไปประมาณ 30 เหรียญ เพื่อนำไปแจกให้เจ้าหน้าที่ที่อยู่หน่วยการบิน สวมใส่เป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติงาน ซึ่งขณะนี้ตนได้ทำเรื่องขออนุญาตจัดสร้างวัตถุมงคลรุ่นนี้ขึ้นมาอีก เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กำลังพล.- สำนักข่าวไทย
ข่าวจากhttp://www.mcot.net/cfcustom/cache_page/243452.html

                       ๔สิ่งพกติดตัวพ.อ.ปกรณ์ จันทรโชตะ

พ.อ.ปกรณ์ จันทรโชตะกับ...ของดีที่พกติดตัว๔ อย่าง ในทุกภารกิจ : สรณะคนดัง โดย เรื่อง สุพิชฌาย์ รัตนะ ภาพจรูญ ทองนวล ศูนย์ข่าวภาคใต้

             เหตุการณ์คาร์บอมบ์กลางเมืองยะลา และกลางเมืองหาดใหญ่ เมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม  ๒๕๕๕ ที่ผ่านมา คือ ประจักษ์พยานอันเด่นชัดถึงศักยภาพของแนวร่วมที่พยายามเขย่าอำนาจรัฐและบ่อนทำลายความเชื่อมั่นในการแก้ไขปัญหาของเจ้าหน้าที่บ้านเมือง
              “พ.อ.ปกรณ์ จันทรโชตะ” รองเสนาธิการมลฑลทหารบกที่ ๔๒ ค่ายเสนาณรงค์ จ.สงขลา ซึ่งเป็นผู้หน้าชุดในการควบคุมดูแลพื้นที่โรงแรมลีการ์เดนส์ พลาซ่า จากเหตุการณ์ “คาร์บอมบ์” หาดใหญ่ครั้งล่าสุด ซึ่งมีประสบการณ์ผ่านการปฏิบัติหน้าที่ประจำการใน ๓๘ ฐานปฏิบัติการในพื้นที่สีแดง ณ จังหวัดชายแดนใต้มาอย่างโชกโชนตลอด ๗ ปีเต็มนับแต่เกิดเหตุการณ์เมื่อปี ๒๕๔๗ เป็นต้นมา
              นอกจากการใช้งานการเมืองนำการทหาร เพื่อเข้าหาประชาชนแล้ว พ.อ.ปกรณ์ ยังเป็นนายทหารที่ลุยพื้นที่กับผู้ใต้บังคับบัญชาด้วยตัวเองอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นประสบการณ์ในเรื่องของการปะทะกับฝ่ายตรงข้ามที่ประสบกับตัวในสมรภูมิเดือดในปลายด้ามขวานก็มีชนิดนับไม่ถ้วน
              ยิ่งไปกว่านั้น พ.อ.ปกรณ์ ยังได้ใจชาวบ้านในพื้นที่สีแดงถึงขั้นประชาชนยกที่ดินอีกทั้งยังพร้อมใจกันมาช่วยสร้างฐานให้เจ้าหน้าที่เพื่อปักหลักปฏิบัติภารกิจดูแลความสงบเรียบร้อยในชุมชนอีกด้วย ซึ่งถือเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ ในดินแดนที่คุกรุ่นไปด้วยอุณหภูมิอันร้อนแรงจากเหตุความไม่สงบ
              “ปี ๒๕๔๗ กลุ่มคนร้าย ๒๐ คน ลอบโจมตีฐานของเราที่ตั้งอยู่บริเวณโรงเรียนบ้านบูเกะตาโมง อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส มีการปะทะนาน ๓๐ นาที จนคนร้ายล่าถอยและครั้งนั้นเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เรารู้ว่าคนร้ายไม่ใช่โจรธรรมดา แต่มีการฝึกมีวิธีการจู่โจม มีการวางแผนและที่สำคัญเขาซ่อนตัวในเมืองไม่ได้หลบหนีบนเขาเหมือนอดีตแล้ว” พ.อ.ปกรณ์ เล่า
              พ.อ.ปกรณ์ เล่าต่อว่า ช่วงที่ผ่านมาขณะที่ดำรงตำแหน่ง ผบ.ทพ.๔๔ ซึ่งดูแลพื้นที่สีแดงใน จ.ปัตตานี ได้สนธิกำลังร่วมกับทุกฝ่ายเปิดฉากยิงปะทะกับกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ หมู่ ๔ บ้านแซะโมะ ต.ตะบิ้ง อ.สายบุรี จ.ปัตตานี นำมาซึ่งการทลายคลังแสงใหญ่โดยเก็บกู้วัตถุระเบิด อุปกรณ์ประกอบระเบิดจำนวนมาก รวมถึงวิทยุสื่อสาร โทรศัพท์มือถือ สวิตช์ชนิดเหยียบกับระเบิด แผงวงจรระเบิด สวิตช์ไฟฟ้า ดินระเบิดและปุ๋ยยูเรีย ตลอดจนเอกสารวงจรประกอบระเบิด ซึ่งชิ้นส่วนทั้งหมดหากหลุดรอดไปสามารถประกอบเป็นระเบิดแสวงเครื่องได้ระเบิดทั้งหมด ๑๑ ลูกซึ่งระเบิดแต่ละลูกจะมีอนุภาพสูงเนื่องจากเป็นชิ้นส่วนที่ประกอบด้วยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ แต่ก็สามารถสกัดการก่อเหตุครั้งสำคัญได้สำเร็จเพราะหากอุปกรณ์วัตถุระเบิด อาวุธสงครามทั้งหมดเล็ดลอดไปได้เชื่อว่าจะนำมาซึ่งความสูญเสียอย่างร้ายแรงในชีวิตของพี่น้องประชาชนผู้บริสุทธิ์
              อย่างไรก็ตามทุกครั้งในการปฏิบัติหน้าที่ พ.อ.ปกรณ์ บอกว่า จะนึกบุญคุณพ่อและแม่ เพราะเป็นพระอันประเสริฐในชีวิตคนทุกคน ส่วนของดีที่พกติดตัวมีเพียง ๔ อย่าง คือ ๑.แหวนหัวเหล็กไหล” ที่บูชามาจากวัดใน จ.ยะลาอ ๒.พระหลวงพ่อทวด ๓.เหรียญพระพุทธชินราชหล่อโบราณ ซึ่งเพื่อนมอบให้ และ ๔.ตะกรุดหลวงปู่เจียม อติสโย หรือ "พระครูอุดมวรเวท แห่งวัดอินทราสุการาม (วัดหนองยาว) ต.กระเทียม อ.สังขะ จ.สุรินทร์ ซึ่งได้รับมอบจาก “พล.อ.ธวัชชัย สมุทรสาคร” ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก อดีตแม่ทัพภาคที่ ๒ เมื่อครั้งลงมาปฏิบัติหน้าที่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งตะกรุดนี้จะไม่เคยห่างกาย เพราะขึ้นชื่อในเรื่องของกันภัยระเบิด โดยเจ้าหน้าที่ทุกคนจะรู้ดี เพราะมีประสบการณ์ให้เห็นมานักต่อนัก
              “หลวงพ่อทวดผมจะแขวนเวลาอยู่บ้าน แต่ในสนามปฏิบัติงานผมจะแขวนตะกรุดหลวงปู่เจียม เนื่องหลวงพ่อทวดเลื่องชื่อในเรื่องแคล้วคลาด แต่ผมไม่อยากแคล้วคลาดกับคนร้ายอยากเจอกับโจรจึงเลือกแขวนตะกรุดยามที่อยู่บนดินแดนปลายด้ามขวาน เพราะเด่นทั้งเรื่องคุ้มกันระเบิด และเมตตาดีนักแล” พ.อ.ปกรณ์ กล่าว
              เมื่อถามถึงประสบการณ์ได้รับคำตอบว่า “ตะกรุดหลวงปู่เจียม” ช่วยให้รอดพ้นจากระเบิดมานับครั้งไม่ถ้วน เพราะคนร้ายมักจะวางระเบิดเส้นทางทหารที่มีฐานปฏิบัติการอยู่ในหมู่บ้าน ซึ่งทั้ง ๓๘ ฐานที่ผมเคยตระเวนทำหน้าที่ล้วนมีแต่หลุมระเบิดที่เกิดขึ้นชนิดนับนิ้วแทบไม่ไหว ซึ่งตลอดระยะเวลาก็ผ่านมาตลอด ไม่เว้นยามต้องลาดตระเวณในป่า ก็ก้าวผ่านระเบิดมาแล้วหลายลูก
              พ.อ.ปกรณ์ ทิ้งท้ายว่า หัวใจสำคัญของการมีชีวิตอยู่คือต้องหมั่นกระทำในสิ่งที่เป็นคุณูปการแก่แผ่นดินที่ให้กำเนิด ซึ่งสิ่งนี้จะเป็นพลังเกื้อหนุนให้เราพ้นจากภยันอันตราย ส่วนพระเครื่อง หรือเครื่องลางของขลัง เชื่อว่าเป็น “ของดี” ที่จะเปี่ยมด้วยพลานุภาพได้ต้องอยู่กับผู้ใช้ว่าตั้งตนอยู่ในกรอบของความดีงามหรือไม่ ผมไม่ประมาท แต่เชื่อว่าบางทีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็คอยคุ้มครองป้องภัยให้ผมรอดพ้นจาก ภยันอันตรายเพื่อให้ชีวิตมีลมหายใจต่อไปเพื่อทำหน้าที่ให้แก่พี่น้องประชาชนที่เฝ้ารอหวังจะเห็นสันติสุขกลับคืนดินแดนด้ามขวานอีกครั้ง แต่สำหรับผมตะกรุดหลวงปู่เจียมช่วยให้ผ่านพ้นระเบิดมานักต่อนักแล้วผมจึงศรัทธาเป็นอย่างมาก
“มังกรทอง”วงดนตรีเพื่อสันติสุข
              เหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นทำให้ชาวบ้านในพื้นที่แห่งนี้แทบจะไม่ได้สัมผัสกับกิจกรรมบันเทิงใดๆ เนื่องจากไม่มีใครกล้าย่างกรายมาเติมยิ้มให้ชาวบ้านด้วยหวาดกลัวในปัญหาที่ยังปะทุอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ด้วยเหตุนี้ พ.อ.ปกรณ์ จึงควักกระเป๋า ๒ ล้านบาท เพื่อสร้างวงดนตรีกรมทหารพรานที่ ๔๔ ในชื่อ "มังกรทอง” โดยมุ่งเน้นตระเวนสรรค์สร้างความบันเทิงให้ชาวบ้านในปัตตานี ยะลา และนราธิวาส
              ภารกิจหลักของเจ้าหน้าที่คือให้ความช่วยเหลือคุ้มครองพี่น้องประชาชนให้ได้มีความสงบสุข โดยมีนโยบายเสริมสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นในพื้นที่ ส่วนวงดนตรีมังกรทอง เป็นปฏิบัติการเสริมความสุข ที่ให้ความบันเทิง และย้ำเน้นในเรื่องความรัก สามัคคี ปรองดอง 
              “การทำงานใน ๓ จังหวัดมีวิธีการและรูปแบบมากมายแล้วแต่จะหยิบจับ ดั่งเช่นวงดนตรีมังกรทอง นอกจากจะสร้างสุขให้ชาวบ้านแล้วยังดึงความร่วมมือร่วมใจกันจากประชาชนได้อีกด้วยซึ่งเป็นหัวใจในการนำสู่ความเป็นอันหนึ่งเดียวของคนในสังคมไทยเราตระเวนเล่นทุกพื้นที่ในยามค่ำคืนไม่ว่าจะเป็นพื้นที่สีแดง หรือสีเขียว โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาไม่เคยเกิดความรุนแรงเพราะชาวบ้านออกมาสัมผัสบรรยากาศความสุขที่เขาไม่ได้ลิ้มรสมานาน โดยหนึ่งเดือนเราจะออกเล่น ๑๗ คืนเป็นอย่างน้อย” พ.อ.ปกรณ์ กล่าวทิ้งท้าย 
ที่มา ข่าวสด

พึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์!! ขอปฏิบัติภารกิจกู้ซาก ฮ.สำเร็จปลอดภัย                           
 ปลัด ก.ทรัพยากรธรรมชาติฯ นำเจ้าหน้าที่ทำพิธีบวงสรวงต่อเทพยดา โดยขอให้เจ้าหน้าที่สามารถกู้เฮลิคอปเตอร์ตกกลางป่าแก่งกระจานได้อย่างปลอดภัยผู้สื่อข่าวรายงานวันนี้ (24 ก.ค.) ที่ทำการอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน นายโชติ ตาชู ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วย นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน นำเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ทำการบวงสรวงเทพยดาฟ้าดิน ขอให้ทีมงานที่ปฏิบัติหน้าที่ในการเก็บกู้เครื่องเฮลิคอปเตอร์ตกกลางป่าแก่งกระจาน สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างปลอดภัย หลังจากเมื่อช่วงสายของวันนี้ เกิดเหตุเฮลิคอปเตอร์รุ่นเบลล์ 212 ตกระหว่างปฏิบัติภารกิจลำเลียงผู้เสียชีวิตที่ประสบอุบัติเหตุแบล็กฮอว์กตกออกจากป่า 
ข่าวจากผู้จัดการ

ข่าวจากเรื่องเล่าเช้านี้ช่อง3วันที่25-07-2554
กดลิ้งค์ตามนี้

ข่าวจากเรื่องเล่าเช้านี้ช่อง3วันที่25-07-2554
 เรื่องที่ 1
                  
จากวิดีโอข่าว3มิติช่อง3วันที่10-02-2554

จากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับวันอาทิตย์ที่13กุมภาพันธ์ปี2554                   
 จากรูปเป็นตะกรุดหลวงปู่เจียม อติสโยรุ่นทหารพระเจ้าอยู่หัว และเหรียญรุ่นสองพร้อมตะกรุดหลวงพ่อสุพัฒน์ เตชะพะโล
มีรายงานว่า พล.ท.ธวัชชัยได้นำสายห้อยคอ ประกอบด้วย ตะกรุด  รูปหล่อหลวงปู่เจียมห้อยคอ พร้อมเหรียญหลวงพ่อสุพัฒน์ เตชะพะโล วัดอินทราสุการาม (วัดหนองยาว) ต.กระเทียม อ.สังขะ จ.สุรินทร์  ไปแจกกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่บริเวณฐานทหารตามแนวชายแดน ทั้งนี้ พล.ท.ธวัชชัยได้ขอให้เจ้าอาวาสวัดอินทราสุกรามจัดทำและปลุกเสกรูปหล่อหลวงปู่เจียมห้อยคอ พร้อมตะกรุด 1 แสนชุด เพื่อแจกกำลังพลอย่างทั่วถึง นอกจากนั้น พล.ท.ธวัชชัยยังได้นำกระสุนปืนต่อต้านรถถังขนาด 12.7 มม. ให้หลวงพ่อสุพัฒน์ปลุกเสก สำหรับนำไปให้กับฐานปฏิบัติการสำคัญๆ เพื่อให้แคล้วคลาดจากภยันตรายทั้งปวง
จากhttp://www.chaoprayanews.com 
 เรื่องที่3
 เปิด "กรุพระ"ทหารริมชายแดน สิ่งศักดิ์สิทธิ์-เครื่องรางของขลังเพียบ
            (สกู๊ปแนวหน้า)
                สถานการณ์การปะทะ ระหว่าง "ทหารไทย" กับ "ทหารกัมพูชา" ตามแนวชายแดนโดย   เฉพาะด้าน อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ ยังอยู่ในสภาวะ"อึมครึม"และ "ตึงเครียด" แม้เสียงปืนจะเงียบสงบลง แต่ชาวบ้านยังมิอาจไว้วางใจ ความหวาดผวา ยังตามหลอกหลอนพวกเขาจนยากจะข่มตานอนได้ลง
           อีกมุมหนึ่งตามตะเข็บชายแดน ทหารหาญของชาติ ยังตรึงกำลังในที่มั่น พวกเขาเตรียมลุยเต็มที่ ลูกกระสุนดินดำพร้อมเต็มพิกัด สถานการณ์เช่นนี้นอกจากยุทโธปกรณ์ที่พร้อมสรรพแล้ว "เครื่องรางของขลัง" ก็ถือเป็นสิ่งจำเป็นที่ชายชาติทหารต้องพกติดตัวเสมอ
            "ผมพกเหรียญหลวงพ่อเก่าแก่องค์หนึ่ง ไม่ทราบว่าเป็นพระอะไร เป็นสมบัติตกทอดของทวด คล้องคอมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ หลายสิบปีแล้ว นอกจากนี้ยังพกพระที่ผู้บังคับบัญชามอบให้ และพกตระกรุดอีกด้วย "
 เป็นเสียงเอ่ยของ พลฯปัญญา โสรีมภา สังกัดกองพันทหารราบที่ กรมทหารราบที่ 23 ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ จ.นครราชสีมา พลทหารผู้นี้คือผู้ได้รับบาดเจ็บ จากเหตุปะทะเมื่อวันที่ ก.พ. ที่แนวเขาสัตตะโสมล่าง ห่างจากปราสาทพระวิหาร ไปทางทิศตะวันออก เฉียงเหนือ กว่า กม.
            การปะทะครานั้นทำให้เขาบาดเจ็บ รักษาตัวที่โรงพยาบาลกันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ แม้พ้นขีดอันตราย แต่แพทย์ขอดูอาการอีกซักระยะ
 พลฯปัญญา เล่าว่า วันนั้น เวลาประมาณ 18.10 น. ได้ยินเสียงปืนใหญ่จากฝั่งเขมร ระดมยิงใส่ฐานที่มั่นฝั่งไทยที่ภูมะเขือ และยิงไล่มาถึงฐานที่มั่นของเขา ซึ่งขณะนั้นพวกเขาเตรียมพร้อมรบอยู่ในบังเกอร์ ซึ่งก่อสร้างด้วยปูนเสริมใยเหล็กอย่างดี การต่อสู้ดำเนินไปอย่างดุเดือดมีการยิงทั้งปืนใหญ่ และปืนเล็กยาวใส่กันอย่างไม่ยั้ง
        ทุกๆครั้งที่เสียงปืนดังขึ้น ลึกๆในใจของ พลฯปัญญา ภาวนาขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ และคุณพระศรีรัตนไตร ช่วยคุ้มครองตัวเขาและเพื่อนทหารหาญ
          " ช่วงหนึ่งลูกกระสุนปืนกลขัดลำ ผมจึงก้มลงไปแก้ เพื่อนผมยืนยิงให้ จังหวะนั้นลูกปืนใหญ่มาตกใกล้ๆบังเกอร์พอดี แรงอัดจากระเบิดทำให้ผมกระเด็นไปติดที่ผนังอีกฝั่งหนึ่ง เพื่อนผมโดนสะเก็ดระเบิดที่คอ ถ้ายืนยิงคู่กันผมคงโดนทั้งคู่" เขาเล่าอย่างระทึก และทบทวนความจำให้ฟัง "ตอนนั้นเจอตูมแรก ผมเซ่อไปเลย ยืนเบลอประมาณหนึ่งนาที"
             หลังจากนั้น ทหารเขมร ได้ระดมยิงปืนใหญ่ลงมาที่ฐานของเขา ไม่ต่ำกว่า 4-5 ลูก แรงอัดส่งผลให้ เพื่อนทหารภายในบังเกอร์ กระเด็น กระดอนไปตามแรงระเบิด แต่ด้วยความแข็งแรงของบังเกอร์จึงทำให้ไม่มีผู้ใดเสียชีวิต เมื่อตั้งสติได้พวกเขารีบวิ่งออกมาจากบังเกอร์ ซึ่งถือว่าโชคดีมากเพราะคล้อยหลังไม่นาน ลูกปืนใหญ่ได้ตกลงมาที่บังเกอร์พวกเขาอย่างจัง
              ผลจากแรงระเบิดทำให้ พลฯปัญญา และเพื่อนทหาร มีอาการช้ำใน หูอื้อ เจ็บหน้าอก เจ็บเข้า ต้องรีบลำเลียงออกมาจากพื้นที่สังหารเป็นการด่วน 
         "วันนั้นยิงกันนานมาก ตั้งแต่หกโมงเย็น กว่าผมจะออกมาได้เกือบสี่ทุ่ม ตอนนั้นหูไม่ได้ยินอะไรแล้ว เจ็บไปหมด ต้องแหกปากร้องตลอดทาง เพราะหายใจไม่ออก แน่นหน้าอกกลัวปอดแตก เศษดินเต็มปาก เต็มจมูก" เขาเล่า
และถือเป็นเรื่องน่าเสียดายอย่างยิ่ง เพราะเครื่องรางของขลังของ พลฯ ปัญญา ต้องสูญหายระหว่างทางทั้งหมด เพราะการลำเลียงผู้บาดเจ็บมีความฉุกละหุกมาก
ผมไม่คิดว่าเหตุการณ์จะบานปลายขนาดนี้ อยากให้จบเร็วๆเพราะสู้ไปก็มีแต่สูญ เสีย...ตอนนี้ยังไม่อยากกลับบ้าน แต่อยากกลับไปดูฐานที่มั่นต่อ คิดถึงเพื่อนและเป็นห่วงทุกคน" เขาว่า        ร.อ.สิทธิศักดิ์ สิงหะสุริยา นายทหารส่งกำลัง จาก กองพันทหารราบที่ กรมทหารราบที่   23 ที่เดินทางมาเยี่ยม พลฯ ปัญญา เพิ่มเติมให้ฟังว่า ทหารเกือบทุกนายจะพกเครื่องรางของขลังเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตัวเอง สำหรับตัวเขาพกเหรียญพร้อมตะกรุดหลวงปู่เจียม อติสโย จ.สุรินทร์ ตั้งแต่สมัยรับราชการที่ชายแดนใต้ และที่สำคัญหลวงปู่เจียม ก็ถือเป็นพระที่ทหารอีสาน หลายนายให้ความนับถือ "ทั้งชุดนี้นายจัดหามาให้ ส่วนใหญ่ทหารจาก ผมว่าสิ่งของเหล่านี้สำคัญเพราะเป็นการปลุกเร้ากำลังพลให้มั่นใจ"ผู้กองกล่าวพร้อมโชว์สร้อยพระให้ดู และ บอกว่าปกติกำลังพลจะมีการสวดมนต์ แผ่เมตตา ไหว้พระเป็นประจำทุกเช้า-เย็นลองสังเกตดูทหารอีสาน แถบ โคราช ,สุรินทร์ ,บุรีรัมย์ที่ลงไปราชการพื้นที่ภาคใต้ส่วน มากจะไม่โดน" ผู้กองทิ้งท้ายให้คิด
เช่นเดียวกับ จ.ส.อ.ภูริศักดิ์ ยินดี กองพันทหารช่างที่ ค่ายสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช จ.ร้อยเอ็ด ล่วงกระเป๋าเสื้อโชว์เหรียญหลวงพ่อปุ่น ธัมมาปาโล วัดป่าธรรมยุต จ.ร้อย เอ็ด และโชว์สายสินที่ข้อมือ เขาย้ำว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ถือเป็นสิ่งจำเป็นในสถานการณ์เช่นนี้
  "เหรียญหลวงพ่อปุ่น ผมติดตัวมา 7-8 ปีแล้ว ท่านให้ผมกับมือ ทำให้อุ่นใจมากเวลาปฏิบัติหน้าที่" เขาว่า
 ในภาวะเช่นนี้ ทหารทุกหน่วยมีภาวะเสี่ยงไม่แพ้กัน ไม่มีใครล่วงรู้อนาคตข้างหน้าว่าจะ ต้องเจออะไร จากการสอบถามพบว่า ทหารแทบทุกนายห้อยพระและพกเครื่องรางของขลังหลากชนิด...
ในภาวะเช่นนี้การมีสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจย่อมดีกว่าที่ไม่มีอะไรเลย!!! 
SCOOP@NAEWNA.COMข่าวจาก
เรื่องที่  4
 ศาลเจ้าพ่อปืนหนึ่ง แต่เดิมตั้งอยู่บริเวณด้านหลัง บก.ป.๑ รอ. ต่อมา พ.ศ.๒๔๘๖ พ.ท.บุลชัย โสดสถิตย์ ผบ.ป.พัน.๑ รอ.

พล.ท.ยุทธศิลป์ โดยชื่นงาม เจ้าพ่อปืนใหญ่ สรณะทางใจของ...ทหารปืนใหญ่

 ในขณะนั้นได้เล็งเห็นว่าหน่วยควรจะสร้างสิ่งสักการบูชาให้กับกำลังพลและครอบครัวภายในหน่วย เพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวทางใจ จึงนำปืนใหญ่โบราณมาตั้ง ณ สถานที่อันควร พร้อมกับได้ทำพิธีอัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย มาสถิตในปืนใหญ่โบราณเรียกว่า เจ้าพ่อปืนใหญ่ทำให้เป็นที่เคารพสักการะของกำลังพลและครอบครัวตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

 และเพื่อไม่ให้ชื่อไปซ้ำกับ เจ้าพ่อปืนใหญ่ของกองพลปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน จึงให้เรียกว่า เจ้าพ่อปืนหนึ่งซึ่งเรียกติดต่อเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
 ส่วนที่มาของปืนใหญ่กระบอกดังกล่าวนั้น พล.ต.แผ้ว แผ้วพิษากุล ผู้บัญชาการกองพลทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน ให้นายทหารประวัติศาสตร์ พล.ปตอ. ไปตรวจสอบประวัติปืนใหญ่โบราณ เพื่อหาที่มาของปืนใหญ่ใน พล.ปตอ.
จากผลการตรวจสอบพบว่า ปืนใหญ่ใน พล.ปตอ.นั้น มีลักษณะและน้ำหนักเหมือนกับปืนใหญ่โบราณที่ขุดพบในบริเวณหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อ พ.ศ.๒๕๒๗ ทุกประการ
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่กรมศิลปากรสันนิษฐานว่า ปืนใหญ่โบราณดังกล่าวนี้น่าจะเป็นปืนใหญ่วังหน้า ที่มีใช้ในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ และปลดประจำการ เป็นปืนใหญ่ล้าสมัย ในประมาณรัชกาลที่ ๕
 ปืนใหญ่โบราณนี้ หล่อด้วยเหล็กจากโรงงานหล่อปืนใหญ่ในยุโรป จากลักษณะและน้ำหนักที่เหมือนกันทุกประการ จึงพอสันนิฐานได้ว่า ปืนใหญ่โบราณใน พล.ปตอ. หรือเจ้าพ่อปืนใหญ่ สุระประพลเป็นปืนใหญ่รุ่นเดียวและสมัยเดียวกับปืนใหญ่โบราณที่ขุดพบในบริเวณมหาวิทยลัยธรรมศาสตร์
พลโท ยุทธศิลป์ โดยชื่นงาม ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศกองทัพบก บอกว่า เจ้าพ่อปืนใหญ่เป็นปืนใหญ่โบราณ ในลักษณะด้านท้ายกระบอกปืนใหญ่ฝังดิน ปากกระบอกปืนหันไปทางทิศตะวันตก เงยขึ้นทำมุมกับกับพื้นดินประมาณ ๔๕ องศา ซึ่งไม่มีผู้ใดทราบประวัติความเป็นมาแน่นอน ถึงที่มาของปืนใหญ่โบราณกระบอกนี้
ข้าราชการและครอบครัว ที่พักอาศัยอยู่ภายใน พล.ปตอ.ให้ความเคารพเลื่อมใส รวมทั้งบุคคลภายนอก และพากันมากราบไหว้บนบานอธิษฐานขอสิ่งอันพึงปรารถนาต่างๆ มากมาย โดยส่วนตัวแล้วก็จะกราบไหว้สักการะขอพรเพียงสั้นๆ ว่า ขอให้ปกปักป้องกันบ้านเมืองให้อยู่เย็นเป็นสุข ซึ่งทุกๆ ปี ทางหน่วยต้องจัดพิธีบวงสรวงเพื่อความเป็นสิริมงคล
สำหรับประสบการณ์เฉียดตายนั้น ถ้าเป็นในทางการรบ เมื่อครั้งออกไปปราบผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ (ผกค.) ที่ จ.เลย และจ.เพชรบูรณ์ โดนถูกซุ่มยิงหลายครั้งไม่เป็นไร โดยมีพระติดตัวไป ๓ องค์ ซึ่งได้จากพ่อและลุงให้ไปเป็นเครื่องป้องกันตัว แต่เป็นเรื่องที่น่าเสียดาย พระทั้ง ๓ องค์ได้หายไปแล้ว
ส่วนอุบัติเหตุที่เรียกว่าเฉียดตายนั้น เคยเกิดขึ้นครั้งหนึ่ง โดยได้ขับรถไปประสบอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำหลายตลบ แต่ไม่เป็นไร โดยในครั้งนั้นส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะปาฏิหาริย์พระร่วงหลังรางปืน
ส่วนพระเครื่องที่แขวนติดตัวเป็นประจำในทุกวันนี้ ส่วนใหญ่เป็นพระเครื่องที่อดีตผู้บังคับบัญชาให้ไว้เป็นที่ระลึกและป้องกันตัว ประกอบด้วย พระแก้วมรกต พระหลวงพ่อโสธร พระไพรีพินาศ และพระเปิดโลก
อย่างไรก็ตาม เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่บ้าน และสมาชิกในครอบครัว พลโท ยุทธศิลป์ บอกว่า ทุกๆ ปีจะต้องนิมนต์พระจากวัดบวรฯ มาทำบุญเลี้ยงพระ และเจริญพุทธมนต์
ส่วนความเชื่อเรื่องสะเดาะเคราะห์ต่อชะตานั้น ครั้งหนึ่งเคยไปร่วมพิธีบังสุกุลเป็นบังสุกุลตายกับพระครูอุดมวรเวท หรือหลวงปู่เจียม อติสโย อดีตเจ้าอาวาสวัดอินทราสุการาม (วัดหนองยาว) ต.กระเทียม อ.สังขะ จ.สุรินทร์ พระเกจิชื่อดังเมืองสุรินทร์ เป็นพระที่มีศีลาจารวัตรดีงาม ไม่บกพร่องเสื่อมเสีย ปฏิบัติตามพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด กอปรด้วยวิทยาคม มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย ให้ความเลื่อมใสศรัทธาเป็นจำนวนมาก ซึ่งชีวิตและหน้าที่การงานการเจริญรุ่งเรืองตามลำดับอย่างที่เห็น
ธรรมะแต่ละข้อล้วนมีคุณทั้งสิ้น ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ใดควรหยิบธรรมข้อไหนขึ้นมาใช้ สำหรับชีวิตข้าราชการ ธรรมะในหมวดความซื่อสัตย์สุจริตต้องยึดไว้เป็นสรณะ และต้องทำให้ได้ มิเช่นนั้น เมื่อถูกย้ายไปหน่วยอื่น หรือไม่ได้อยู่ในตำแหน่ง ถ้าทำผิดความผิดก็จะติดตามตัวเราไปตลอดทั้งชีวิตรับราชการ อย่างที่เขาเรียกว่า กรรมไม่ต้องรอให้ถึงชาติหน้า ชาตินี้ก็ตามทันพลโทยุทธศิลป์ กล่าว
พร้อมกันนี้ พลโทยุทธศิลป์ ยังบอกด้วยว่า ในวันอาทิตย์ที่ ๕ เมษายนนี้ หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศกองทัพบก โดยการประสานงานของพันเอกนิคม รองผู้บังคับการกรมทหารปืนใหญ่ ที่ ๗๑ จ.ลพบุรี จัดมหกรรมการประกวดอนุรักษ์พระบูชา-พระเครื่อง และเหรียญพระคณาจารย์ จำนวน ๑,๗๕๐ รายการณ ชั้น ๘ อาคารพันธุ์ทิพย์พลาซ่า ถ.งามวงศ์วาน จ.นนทบุรี ซึ่งมีวัตถุประสงค์ คือ ๑.เพื่อนำรายได้สนับสนุนโครงการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่าในพื้นที่รอยต่อ ๕ จังหวัด ๒.สนับสนุนโครงการปลูกป่าชายเลน เพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ๓.เพื่อสมทบทุนสร้างอุโบสถ วัดบ้านกล้วย อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ๔.เพื่อสนับสนุนการพัฒนาด้านกีฬาของหน่วย และ ๕.เพื่อสนับสนุนโครงการธรรมรักษ์นิเวศ (ช่วยผู้ป่วยโรคเอดส์) วัดพระบาทน้ำพุ
ทั้งนี้ผู้ชนะเลิศคะแนนแต่ละรายการ จะได้รับหนังสือสุดยอดพระปิดตาเมืองสยาม จัดทำโดยทีมงานนิตยสารพระท่าพระจันทร์ จึงขอเรียนเชิญผู้สนใจส่งพระเข้าประกวดในงานครั้งนี้อย่างพร้อมเพรียงกัน เรื่อง / ภาพ... "ไตรเทพ ไกรงู"ข่าวจากเนชั่น
         เรื่องที่5
“มทภ.2”ทำบุญเสริมสิริมงคล “หลวงพ่อพวน” เกจิดังเมืองช้าง
 “มทภ. 2” เดินทางมาเป็นประธานประกอบพิธีเสริมสิริมงคลต่ออายุ “หลวงพ่อพวน” เกจิชื่อดัง เมืองช้าง เผยเป็นที่เลื่อมใสเคารพศรัทธาของปชช.ชาวสุรินทร์และ ทหาร กลล.สุรนารี ทภ.2 เป็นอย่างมาก วันนี้ (12 ก.พ.) เมื่อเวลา 10.30 น.ที่วัดมงคลรัตน์ ต.คอโค อ.เมือง จ.สุรินทร์ พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 (มทภ.2) ซึ่งเป็นลูกศิษย์ผู้ใกล้ชิด ของ พระพิมล พัฒนาทร หรือ หลวงพ่อพวน วรมังคโล เจ้าอาวาสวัดมงคลรัตน์ หรือ วัดตะโก ได้เดินทางมาเป็นประธานประกอบพิธีเสริมสิริมงคลต่ออายุ ถวายแด่ หลวงพ่อพวน วรมังคโล เจ้าอาวาสวัดตะโกอายุ 73 ปี ซึ่งเป็นพระสงฆ์นักพัฒนาและเกจิชื่อดังเป็นที่เลื่อมใสเคารพศรัทธาของพุทธศาสนิกชนชาวจังหวัดสุรินทร์ ทหารกองทัพภาคที่ 2 และประชาชนทั่วประเทศเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะทหารในสังกัดกองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 ที่ต้องออกปฏิบัติภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา หรือปฏิบัติงานในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ล้วนมีเครื่องรางของขลังจากพระเกจิอาจารย์ประจำจังหวัดสุรินทร์ ทั้ง หลวงปู่เจียม อติสโย และ หลวงพ่อพวน วรมังคโล พกไว้ติดตัวเพื่อความเป็นสิริมงคลทุกนาย
                                     ข่าวจากhttp://thairecent.com/Local/2011/802756/
  เรื่องที่ 6
    สมมาตร ดำรงฤทธิ์ พขร.ผู้ว่าฯตานี เปิดใจขณะพานายซิ่งหนีระเบิด ...
 ......... เหตุคนร้ายลอบวางระเบิดรถประจำตำแหน่งโตโยต้าคัมรี่ ไฮบริทสีดำ ทะเบียน กข.2525 ปัตตานี ( ไม่หุ้มเกาะ ) ของนายนิพนธ์ นราพิทักษ์กุล ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี  เมื่อวันที่ 26 เมษ.ที่ผ่านมาในพื้นที่ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี ยังคงขย่มขวัญชาวตานีอยู่จนถึงขณะนี้ ..
 ......... ด้วยความปราณีแห่งอัลเลาะห์ ช่วยให้ท่านผู้ว่านิพนธ์ หรือที่ชาวบ้านทั่วไปเรียกกันติดปากว่า " แบเฮาะ" , ปลัดเอก(เอกสิทธิ์ สองเมือง) ซึ่งทำหน้าที่เลขาฯผู้ว่า และ บดินทร์ เบญจสมัย ช่างภาพสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดปัตตานี ที่นั่งมาในรถคันเดียวกันรอดพ้นจาดเงื้อมมือมัจจุราช เพราะหากคนร้ายกดชนวนระเบิดที่ซุกอยู่ในรถจักรยานยนต์ ช้ากว่านี้อีก เสี้ยววินาทีเดียว สะเก็ดระเบิดจะพุ่งสาดไปยังเบาะหลังที่ผู้ว่าฯนั่งอยู่พอดี  ...
........ วันนี้  มีประชาชนจำนวนมากทั้งพุทธ - มุสลิม ตลอดจนผู้นำศาสนาเดินทางมาให้กำลังใจ ท่านผู้ว่าฯนิพนธ์ แน่นขนัดจวนผู้ว่าฯปัตตานี ตั้งแต่เช้า ...
........ บุคคลหนึ่งซึ่งนับเป็นฮีโร่ในสถานการณ์วิกฤติที่อดกล่าวถึงไม่ได้ ในช่วงรอยต่อแห่ง ความเป็น - ความตาย โดยเฉพาะชีวิตของนาย ที่มีตำแหน่งเป็นถึง " พ่อเมือง " .....
....... สมมาตร ดำรงฤทธิ์ หนุ่มใหญ่วัย 40 เศษ ชาว อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ผู้ทำหน้าที่เป็นพนักงานขับรถประจำตำแหน่งคันดังกล่าวว่า ....
....... " ....... ขณะเดินทางกลับ พอรถมาถึงที่เกิดเหตุ ก็มีเสียง " ตรึ้ม" ดังขึ้นมาจากริมถนนด้านซ้ายมือ หลังจากนั้นกระจกรถด้านซ้ายที่ปลัดเอกนั่งอยู่ด้านหน้า เริ่มร้าวและแตก ผมรู้สึกผิดปกติคิดว่าคงมีเหตุร้ายแน่ สักครู่ ท่านผู้ว่าถามขึ้นมาว่า เกิดอะไรขึ้น ผมบอกไปในขณะนั้นว่า ระเบิดครับ สงสัยเป็นระเบิดขว้าง ....
.......  ขณะนั้นรถยังทรงตัวและขับได้อยู่ แต่พอเหลือบไปยังกระจกมองหลัง เห็นไฟกำลังลุกรถจักรยานยนต์คันหนึ่งซึ่งเป็นต้นเสียงระเบิดเมื่อสักครู่ ควันขึ้นโขมง ไม่ใช่ระเบิดขว้างเสียแล้ว แต่เป็นมอเตอร์ไซด์บอมบ์ ...
      ......  ขณะนั้นยางรถที่ถูกสะเก็ดระเบิดเริ่ม แฟ่บ !!! ท่านผู้ว่า ถามขึ้นมาอีกว่า ไปต่อได้ไหม ..
...... ผมตอบโดยไม่ต้องคิด ว่าไหวครับ !!! ..... จากนั้นรวมรวมสติ รำลึกถึงพระคุณ พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ประคองรถคันดังกล่าว รีบบึ่งออกจากที่เกิดเหตุให้เร็วที่สุด   ขณะที่ยางรถ ทั้ง 3 ล้อ ( หน้า 1 หลัง 2 ) แฟ่บ ลงเรื่อยๆ เพราะจอดไม่ได้หวั่นคนร้ายจะตามมาซ้ำ ...
......  จากจุดเกิดเหตุ ยางทั้ง 3 เส้นแบนสนิท ต้องบดล้อมากับพื้นถนนเกือบ 2 กิโลเมตรจนถึง สภ.ปะนาเระ  ...
...... ด้วยความโล่งอก ....
     ผ่านพ้นวิกฤติไปอีกวัน .....
         ...... วัตถุมงคล ที่ " สมมาตร " อาราธนาขึ้นคอทุกเช้าก่อนเดินทางมาทำงานทุกวันคือ ...
- หลวงพ่อทวด วัดช้างให้ / ปี 2505 หลังหนังสือ
- พระสมเด็จฯเกศไชโย อ่างทอง / ซื่งเป็นพระเครื่องมรดกที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษ
                       และ สายตะกรุดคล้องคอ หลวงปู่เจียม สุรินทร์ ..
                              ..........ปลอดภัย แคล้วคลาด ทุกท่านสวัสดีครับ.....
                     ข่าวจากhttp://www.oknation.net/blog/singslatan/2011/04/27/entry-1
 เรื่องที่7